โรคแอนแทรคโนส : ANTHRACNOSE DISEASE

Bootstrap template

เชื้อสาเหตุ : รา Colletotrichum gloeosporioides (Penz.) Sacc.

ชีววิทยาของเชื้อ : ลักษณะโคโลนีของเชื้อบนอาหาร PDA เส้นใยเจริญฟู แต่ไม่หนาแน่น สีขาวเทาถึง สีเทา เมื่อเชื้อเจริญเต็มที่จะเห็นสปอร์ (conidia) รวมกันเป็นกลุ่มมีลักษณะคล้ายหยดน้ำข้นๆ สีส้มอมชมพู เจริญเป็นวงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ไม่พบ setae แต่พบเม็ดสเคลอโรเทีย สปอร์เกิดเดี่ยวๆ รูปร่างทรงกระบอกตรง แท่งสั้น ปลายทั้งสองข้างมน ใสไม่มีสี ขนาด 7.00-11.00 x 5.00-14 .00 ไมครอน เกิดเดี่ยวๆ ที่ปลายก้าน conidiophore ลักษณะใส ไม่มีสี

ลักษณะอาการ : ระยะแรกเกิดจุดช้ำฉ่ำน้ำขนาดเล็ก ต่อมาจะขยายใหญ่เป็นแผลรูปกลมหรือรี เนื้อแผล ยุบต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย บนแผลมีหยดของเหลวสีชมพูอมส้ม เมื่อแห้งจะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลดำ เรียง เป็นวงรีซ้อนกันหลายชั้น ถ้าแผลขยายใหญ่หรือหลายแผลมาชนกันจะทำให้ใบหักพับ แห้งตาย หรือเน่าตายทั้งต้น

การแพร่ระบาด : โรคแพร่ระบาด โดยสปอร์ของเชื้อรา แพร่ไปกับลม ฝน น้ำ แมลง เครื่องมือการเกษตร เมล็ดพันธุ์ หรือหัวพันธุ์ โรคระบาดรุนแรงและรวดเร็วเมื่อมีความชื้นสูง

การป้องกันกำจัด :

1. ก่อนปลูกพืชควรไถตากดิน 2-3 ครั้ง เพื่อลดปริมาณเชื้อรา ให้ใส่ปูนขาวและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อปรับสภาพดิน โดย pH ของดินที่เหมาะแก่การปลูกพืชสกุลหอมกระเทียมคือ 6.5-7.0

2. ใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่ปราศจากโรค สำหรับหอมหัวใหญ่ซึ่งปลูกโดยการย้ายกล้า ควรดูแลแปลงกล้า ไม่ให้เกิดโรค ไม่บำรุงต้นกล้าด้วยปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป จะทำให้อ่อนแอต่อโรค ป้องกันโรคโดยแช่ต้นกล้า ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น โพรคลอราช 50% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 15-20 นาที

3. การปลูกหอมในฤดูฝนควรยกร่องสูงเพื่อให้มีการระบายน้ำดี หากน้ำท่วมขังควรรีบระบายน้ำออก ให้หมด

4. ช่วงฤดูฝน ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยไนโตรเจน เพราะจะทำให้ต้นพืชสมบูรณ์มากเกินไป พืชอ่อนแอต่อโรค ควรทิ้งระยะให้ดินแห้งก่อน แล้วจึงใส่ปุ๋ยบำรุง

5. หมั่นตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรค ทำลายต้นพืชที่เป็นโรค โดยการถอนไปเผาทิ้งแล้ว พ่นต้นที่เหลือด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคแอนแทรคโนส เช่น แมนโคเซบ 80% WP อัตรา 40-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร โพรคลอราช 50% WP อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไดฟีโนโคนาโซล 25% EC อัตรา 15-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นเมื่อเริ่มพบโรค หากโรคยังคงระบาดพ่น 3-5 วันต่อครั้ง สำหรับโพรคลอราซไม่ควรพ่น เกิน 4 ครั้งติดต่อกัน ควรพ่นสลับกับแมนโคเซบเพื่อลดปัญหาการดื้อยา ของเชื้อรา